Arm Liposuction ดูดไขมันแขน
Arm Liposuction ดูดไขมันแขน คืออะไร? การดูดไขมันแขน คือ การกำจัดเซลล์ไขมันใต้ชั้นผิวหนังบริเวณต้นแขนแบบถาวร โดยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย สลายไขมันส่วนเกินบริเวณต้นแขน โดยแพทย์จะทำการเจาะรูเล็กๆ แล้วสอดท่อขนาดเล็ก เข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อดูดไขมันออกมา วิธีนี้ช่วยแก้ปัญหาต้นแขนใหญ่ หย่อนคล้อย ให้กลับมาเรียวกระชับ ได้สัดส่วน และดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่.
ใครบ้างที่เหมาะกับการดูดไขมันแขน?
- ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณต้นแขนเยอะ: ไม่ว่าจะเป็น ใต้ท้องแขน ด้านหลังต้นแขน หรือด้านข้างต้นแขน
- ผู้ที่ลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล: เช่น การออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร
- ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว: ไม่ต้องรอเวลา
- ผู้ที่ต้องการแผลเป็นขนาดเล็ก: แผลหลังการดูดไขมันมีขนาดเล็ก ประมาณ 0.5 เซนติเมตร
- ผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง: เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง.
ข้อดีของการดูดไขมันแขน
- สัดส่วนเรียวสวย มั่นใจยิ่งขึ้น: ใส่เสื้อผ้าโชว์แขนได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องต้นแขนใหญ่
- ผิวเรียบเนียน ไม่เป็นคลื่น: เทคนิคการดูดไขมันที่ทันสมัย ช่วยลดปัญหาผิวเป็นคลื่น
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน: ไขมันที่ถูกดูดออกไปจะไม่กลับมาใหม่
- ฟื้นตัวเร็ว ใช้ชีวิตได้ตามปกติ: แผลเล็ก บวมช้ำน้อย สามารถกลับไปทำงาน หรือทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ ภายใน 2-3 วัน
บริเวณส่วนไหนของแขน ที่ทำการดูดไขมันได้บ้าง ?
- ต้นแขนด้านนอก: เป็นบริเวณที่ไขมันสะสมได้ง่าย ทำให้แขนดูใหญ่ ไม่กระชับ
- ต้นแขนด้านใน: ไขมันส่วนเกินบริเวณนี้ มักทำให้แขนดูใหญ่ เวลาโบกมือ หรือยกแขน จะเห็นชัดเจน
- ใต้ท้องแขน: หรือที่เรียกว่า “นมน้อย” ไขมันส่วนเกินบริเวณนี้ ทำให้ดูเหมือนมีเนื้อปลิ้นออกมา เวลาใส่เสื้อแขนกุด หรือสายเดี่ยว จะไม่สวยงาม
- หลังแขน: ไขมันส่วนเกินบริเวณนี้ มักเกิดร่วมกับ ต้นแขนด้านนอก ทำให้แขนดูใหญ่ และหย่อนคล้อย.
วิธีการในการดูดไขมันแขน
การดูดไขมันแขนสามารถทำได้ด้วยหลายเทคนิค ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เข้ารับการรักษา สภาพร่างกาย และความเชี่ยวชาญของแพทย์ วิธีการที่ใช้ในการดูดไขมันแขนประกอบด้วยเทคนิคต่อไปนี้:
1. การดูดไขมันแบบดั้งเดิม (Tumescent Liposuction)
2. การดูดไขมันด้วยเลเซอร์ (Laser Liposuction)
3. การดูดไขมันด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound-Assisted Liposuction, UAL)
4. การดูดไขมันด้วยพลังงานน้ำ (Water-Assisted Liposuction, WAL)
5. การดูดไขมันด้วยคลื่นวิทยุ (Radiofrequency-Assisted Liposuction, RFAL)
6. การดูดไขมันด้วยเทคนิค PAL (Power-Assisted Liposuction).
ดูดไขมันต้นแขนแล้วผิวจะเหี่ยวจริงไหม?
ขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้
- ปริมาณไขมันที่ดูด: หากดูดไขมันออกปริมาณมาก ผิวก็มีโอกาสหย่อนคล้อยมากกว่า
- สภาพผิว: คนที่มีผิวบาง ยืดหยุ่นน้อย มักจะเกิดการหย่อนคล้อยได้ง่ายกว่าคนที่มีผิวหนา
- อายุ: ยิ่งอายุมากขึ้น คอลลาเจนและอิลาสตินในผิว ก็จะลดลง ทำให้ผิวหย่อนคล้อยง่าย
- เทคนิคการดูดไขมัน: บางเทคนิค เช่น Vaser หรือ BodyTite มีคุณสมบัติดูดไขมัน พร้อมกระชับผิว จึงช่วยลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้.
ก่อนดูดไขมันแขน ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
- ทำความเข้าใจ “เป้าหมาย” ที่แท้จริง: การดูดไขมัน คือ การ “ปรับรูปร่าง” ไม่ใช่ “การลดน้ำหนัก” ดังนั้น เป้าหมายคือ การกำจัดไขมันส่วนเกิน เพื่อให้สัดส่วน เรียวกระชับ สวยงาม ขึ้น
- งดวิตามิน อาหารเสริม และยาบางชนิด: เช่น วิตามินอี น้ำมันตับปลา ยาแอสไพริน ยาละลายลิ่มเลือด อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนการดูดไขมัน เนื่องจากอาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- งดแอลกอฮอล์ และบุหรี่: อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนการดูดไขมัน เพื่อลดความเสี่ยง ต่อการติดเชื้อ และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
- แจ้งโรคประจำตัว และยาที่ใช้เป็นประจำ: ให้แพทย์ทราบ เพื่อความปลอดภัย และการวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
- พักผ่อนให้เพียงพอ: ก่อนการดูดไขมัน ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง.
หลังดูดไขมันแขน ดูแลตัวเองอย่างไรให้สวยปัง?
- ดูแลแผล ตามคำแนะนำของแพทย์: ทำความสะอาดแผล ด้วยน้ำเกลือ หรือตามที่แพทย์แนะนำ วันละ 1-2 ครั้ง
- ใส่ชุดกระชับ: ตลอด 24 ชั่วโมง ในช่วง 1 เดือนแรก เพื่อช่วยลดบวม กระชับสัดส่วน และป้องกันการเกิดพังผืด
- รับประทานยา ตามที่แพทย์สั่ง: เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ
- ประคบเย็น: ใน 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อลดบวม
- งดวิตามิน อาหารเสริม แอลกอฮอล์ และบุหรี่: จนกว่าแผลจะหายสนิท
- ดื่มน้ำมากๆ: เพื่อช่วยขับยาชา และของเสีย ออกจากร่างกาย
- งดออกกำลังกายหนักๆ: ในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก
- ไปพบแพทย์ ตามนัด: เพื่อติดตามผล และประเมินผลลัพธ์.
คำถามที่พบบ่อย
1. ดูดไขมันต้นแขน ราคาเท่าไหร่?
ราคาขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น เทคนิคที่ใช้ (Vaser, BodyTite) ปริมาณไขมันที่ดูด สถานพยาบาล และโปรโมชั่น โดยทั่วไป ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 30,000 – 100,000 บาท
2. ดูดไขมันต้นแขน เลือกวางยาสลบหรือใช้แค่ยาชาดี?
ขึ้นอยู่กับ ปริมาณไขมันที่ดูด ความกังวลของคนไข้ และดุลยพินิจของแพทย์ โดยทั่วไป นิยมใช้ยาชา เพราะมีความปลอดภัยสูง ฟื้นตัวเร็ว แต่หากดูดไขมันปริมาณมาก หรือคนไข้มีความกังวล แพทย์อาจพิจารณาวางยาสลบ
3. ดูดไขมันต้นแขน พักฟื้นกี่วัน?
โดยทั่วไป ใช้เวลาพักฟื้น ประมาณ 1-2 สัปดาห์ สามารถกลับไปทำงาน หรือทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ แต่อาจมีอาการบวม ช้ำ อยู่บ้าง
4. ดูดไขมันต้นแขน อันตรายไหม?
การดูดไขมัน มีความเสี่ยง เช่นเดียวกับการผ่าตัดอื่นๆ เช่น การติดเชื้อ เลือดออก ผิวหนังไม่เรียบ แต่หากเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน แพทย์มีประสบการณ์ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยลดความเสี่ยง และทำให้ผลลัพธ์ออกมา น่าพึงพอใจ
5. ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการดูดไขมันต้นแขน?
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคเลือด
- สตรีมีครรภ์ หรือ คุณแม่ที่กำลังให้นมบุตร
- ผู้ที่มีภาวะ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ที่มีประวัติ แพ้ยาชา หรือ ยาสลบ