Abdominal Liposuction ดูดไขมันหน้าท้อง

ดูดไขมันหน้าท้อง

Abdominal Liposuction ดูดไขมันหน้าท้อง

 

Abdominal Liposuction ดูดไขมันหน้าท้อง คืออะไร?

ดูดไขมันหน้าท้อง คืออะไร? ดูดไขมันหน้าท้อง คือ หัตถการทางการแพทย์ที่ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนังบริเวณหน้าท้องออกไป โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือขนาดเล็กที่เรียกว่า cannula สอดเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อสลายและดูดไขมันออกมา ทำให้หน้าท้องดูเรียบเนียนและกระชับขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมเฉพาะจุด ซึ่งไม่สามารถกำจัดได้ด้วยการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร.

การดูดไขมันหน้าท้องเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาต่อไปนี้:

  • มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องส่วนเกิน: แม้ว่าจะมีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ หรือพยายามลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้ว แต่ไขมันบริเวณหน้าท้องก็ยังไม่ลดลง
  • ผิวหนังมีความยืดหยุ่นดี: หลังจากการดูดไขมันออก ผิวหนังจะต้องสามารถกระชับกลับเข้าที่ได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่หน้าท้องเรียบเนียน
  • มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง: สามารถรับการผ่าตัดและการวางยาสลบได้
  • มีความคาดหวังที่เป็นจริง: เข้าใจว่าการดูดไขมันไม่ใช่วิธีลดน้ำหนัก แต่เป็นการปรับรูปร่างเฉพาะส่วน และผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดด้วย

การดูดไขมันหน้าท้องอาจไม่เหมาะกับ:

  • ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรังบางอย่าง เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือปัญหาการแข็งตัวของเลือด
  • ผู้ที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยมาก เนื่องจากอาจต้องผ่าตัดเพื่อกระชับผิวหนังร่วมด้วย
  • ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือวางแผนที่จะตั้งครรภ์ในอนาคตอันใกล้
  • ผู้ที่คาดหวังว่าการดูดไขมันจะช่วยลดน้ำหนักได้มาก หรือแก้ไขปัญหาผิวเปลือกส้ม

 

เทคนิคการดูดไขมันหน้าท้องที่ได้รับความนิยม:

  1. การดูดไขมันแบบดั้งเดิม (Tumescent Liposuction)
    เป็นวิธีการดูดไขมันแบบดั้งเดิมที่สุด ซึ่งแพทย์จะฉีดน้ำเกลือ ผสมกับยาชาและยาทำให้เลือดหยุดไหลเข้าไปในบริเวณที่จะดูดไขมันก่อน จากนั้นใช้ท่อเล็กๆ (Cannula) ดูดไขมันออกมา วิธีนี้ช่วยลดการบวมและการเสียเลือด ทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น​
  2. การดูดไขมันแบบ VASER Liposuction
    เป็นการดูดไขมันที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) เพื่อสลายเซลล์ไขมันให้แตกตัวก่อนจะดูดออก ช่วยให้กระบวนการดูดไขมันเป็นไปได้ง่ายขึ้น และลดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง วิธีนี้ช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วและลดความเสี่ยงของรอยแผลเป็น​
  3. การดูดไขมันแบบเลเซอร์ (Laser-Assisted Liposuction)
    เป็นการใช้พลังงานจากเลเซอร์เพื่อสลายเซลล์ไขมันก่อนดูดออก วิธีนี้มักใช้ในบริเวณที่มีไขมันน้อย เช่น หน้าท้องหรือคาง นอกจากจะช่วยลดไขมันแล้ว เลเซอร์ยังช่วยกระชับผิวได้อีกด้วย​
  4. การดูดไขมันแบบ PAL (Power-Assisted Liposuction)
    การดูดไขมันแบบ PAL ใช้เครื่องมือพิเศษที่สั่นสะเทือนเพื่อช่วยให้การดูดไขมันออกมาง่ายและเร็วขึ้น เทคนิคนี้มีประสิทธิภาพในการกำจัดไขมันออกจากบริเวณขนาดใหญ่ เช่น หน้าท้อง และลดการเกิดแผลเป็น​
  5. การดูดไขมันแบบ BodyTite
    BodyTite ใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (Radiofrequency) เพื่อสลายไขมันและกระชับผิวในเวลาเดียวกัน วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนทั้งในด้านการลดไขมันและการกระชับผิวบริเวณหน้าท้อง​
  6. การดูดไขมันแบบน้ำ (Water-Assisted Liposuction)
    เทคนิคนี้ใช้แรงดันน้ำฉีดไปที่เซลล์ไขมันเพื่อทำให้ไขมันแตกตัว จากนั้นจึงทำการดูดออก วิธีนี้มีข้อดีคือทำให้เนื้อเยื่อข้างเคียงเสียหายน้อยและลดการเกิดรอยฟกช้ำ​.

การเลือกเทคนิคที่เหมาะสม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ประเมินสภาพปัญหาและความต้องการของคุณ เพื่อเลือกเทคนิคการดูดไขมันที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งอาจพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น
-ปริมาณไขมันที่ต้องการดูดออก
-ความยืดหยุ่นของผิวหนัง
-ความต้องการในการกระชับผิว
-สุขภาพโดยรวมของผู้เข้ารับการรักษา

การเตรียมตัวก่อนการดูดไขมันหน้าท้อง

  • ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: เข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งหรือศัลยกรรมพลาสติก เพื่อประเมินความเหมาะสมในการดูดไขมันหน้าท้อง ตรวจสอบประวัติสุขภาพ และรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการผ่าตัด ความเสี่ยง และการดูแลหลังการผ่าตัด
  • งดยาและอาหารเสริมบางชนิด: ตามคำแนะนำของแพทย์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด เช่น ยาแอสไพริน ไอบูโพรเฟน วิตามินอี น้ำมันปลา หรืออาหารเสริมอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือดหยุดการใช้ยาที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น แอสไพริน หรือยากลุ่ม NSAIDs (ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์)
  • แจ้งข้อมูลสุขภาพอย่างละเอียด: แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่กำลังรับประทานอยู่ ประวัติการแพ้ยา หรือการผ่าตัดใดๆ ที่เคยทำมาก่อน
  • งดการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนและหลังการผ่าตัด เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
  • งดอาหารและเครื่องดื่ม: ตามคำแนะนำของแพทย์ก่อนการผ่าตัด โดยทั่วไปจะงดอาหารและเครื่องดื่มอย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด
  • เตรียมความพร้อมสำหรับการพักฟื้น: จัดเตรียมเสื้อผ้าหลวมๆ ที่สวมใส่ง่าย เตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการดูแลแผล และจัดให้มีคนคอยช่วยเหลือในช่วงแรกหลังการผ่าตัด
  • เตรียมคำถามสำหรับแพทย์: จดบันทึกคำถามที่คุณมีเกี่ยวกับการดูดไขมันหน้าท้อง เพื่อสอบถามแพทย์ในระหว่างการปรึกษา

 

การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันหน้าท้อง

  • การพักผ่อนอย่างเพียงพอ
  • การใส่เสื้อผ้ายืดหยุ่น
  • การดูแลบาดแผล
  • การจัดการกับความเจ็บปวด
  • การรักษาการบวมและช้ำ
  • การดูแลโภชนาการ
  • การเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์
  • การออกกำลังกายอย่างเบาๆ

 

ข้อห้ามหลังดูดไขมันหน้าท้อง

  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก
  • หลีกเลี่ยงการแช่น้ำหรือการว่ายน้ำ
  • หลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิด

ข้อดีของการดูดไขมันหน้าท้อง

  • ปรับรูปร่างอย่างรวดเร็ว : การดูดไขมันช่วยลดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องได้อย่างรวดเร็ว และเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการผ่าตัด เมื่อเทียบกับการลดไขมันด้วยการออกกำลังกายและควบคุมอาหาร​
  • ช่วยสร้างความมั่นใจ : รูปร่างที่ดีขึ้นหลังจากการดูดไขมันทำให้ผู้ป่วยมีความมั่นใจมากขึ้นในการสวมใส่เสื้อผ้าและทำกิจกรรมต่างๆ​
  • ผลลัพธ์ถาวรหากดูแลตัวเองดี : เซลล์ไขมันที่ถูกดูดออกจะไม่กลับมาอีก หากผู้ป่วยดูแลน้ำหนักและสุขภาพอย่างเหมาะสม ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นาน​
  • ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน : การดูดไขมันหน้าท้องใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าการผ่าตัดยกกระชับหน้าท้อง หรือวิธีศัลยกรรมอื่นๆ ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ในไม่กี่สัปดาห์​
  • ช่วยปรับปรุงสัดส่วนโดยไม่ต้องมีการผ่าตัดใหญ่ : เป็นวิธีที่ไม่ต้องการการตัดเนื้อเยื่อหรือการตัดผิวหนังอย่างมาก ทำให้รอยแผลเล็ก และไม่จำเป็นต้องมีการพักฟื้นที่นาน​

ข้อเสียของการดูดไขมันหน้าท้อง

  • ไม่ใช่วิธีการลดน้ำหนัก : การดูดไขมันไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักจำนวนมาก มันเป็นเพียงการลดไขมันเฉพาะจุด ดังนั้นน้ำหนักรวมอาจไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ​(
  • ความเสี่ยงจากการเกิดภาวะแทรกซ้อน : เช่นเดียวกับการผ่าตัดอื่นๆ มีความเสี่ยงจากการติดเชื้อ การเกิดรอยแผลเป็น การสะสมของของเหลว (Seroma) และการเกิดลิ่มเลือดในปอด ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้​
  • การฟื้นตัวใช้เวลาและการดูแลอย่างต่อเนื่อง : แม้การฟื้นตัวจะไม่ใช้เวลานาน แต่ก็ยังต้องมีการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด เช่น การใส่ชุดกระชับและการรักษาแผลเพื่อให้ผิวหน้าท้องฟื้นตัวอย่างดี​
  • ผิวหนังหย่อนคล้อยหากไม่มีความยืดหยุ่นเพียงพอ : หากผู้ป่วยมีผิวหนังที่หย่อนคล้อย การดูดไขมันอาจทำให้ผิวหย่อนคล้อยกว่าเดิม อาจจำเป็นต้องทำการกระชับผิวเพิ่มเติม​
  • ผลลัพธ์อาจไม่สมบูรณ์หากไม่ควบคุมพฤติกรรม : ไขมันอาจกลับมาสะสมได้ หากไม่ควบคุมการรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย ไขมันอาจกลับมาสะสมในส่วนอื่นของร่างกาย​

 

 

ดูดไขมันหน้าท้อง ที่ไหนดี ควรเลือกจากอะไรบ้าง?

  • ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์: แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผลงานและรีวิว
  • เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัย: เครื่องมือและเทคโนโลยี ความสะอาดและปลอดภัย
  • การให้บริการและการดูแล: การให้คำปรึกษา การดูแลหลังการผ่าตัด
  • ค่าใช้จ่ายและโปรโมชั่น: ค่าใช้จ่าย โปรโมชั่น

 

 

ดูดไขมันหน้าท้อง ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่ ?

  • ราคาเริ่มต้นของการดูดไขมันหน้าท้องในประเทศไทยโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 40,000 – 150,000 บาท ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น:
  • เทคนิคที่ใช้ในการดูดไขมัน: เทคนิคขั้นสูง เช่น Vaser หรือ BodyTite มักจะมีราคาสูงกว่าเทคนิคพื้นฐาน
  • ปริมาณไขมันที่ต้องดูดออก: หากมีไขมันสะสมมาก ก็อาจต้องใช้เวลาในการผ่าตัดนานขึ้น และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
  • ความเชี่ยวชาญของแพทย์และชื่อเสียงของคลินิก: แพทย์ที่มีประสบการณ์สูงและคลินิกที่มีชื่อเสียงมักจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
  • ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง: เช่น ค่ายา ค่าห้องพักฟื้น ค่าตรวจติดตามผล ฯลฯ

 

Q : ดูดไขมันหน้าท้องต้องพักฟื้นกี่วัน?
A : การพักฟื้นหลังจากการดูดไขมันหน้าท้องจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจกรรมเบา ๆ ได้ภายใน 2-3 วัน หลังการผ่าตัด แต่ยังควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงมากเป็นเวลาอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ และใส่ชุดกระชับสัดส่วนเพื่อช่วยลดบวมและให้ผิวกลับมากระชับ​

Q : สลายไขมันหน้าท้อง ลดได้จริงไหม?
A : การสลายไขมันด้วยวิธีต่างๆ เช่น CoolSculpting (สลายไขมันด้วยความเย็น) หรือ การใช้เลเซอร์ สามารถลดไขมันเฉพาะจุดได้จริง แต่ผลลัพธ์จะชัดเจนที่สุดสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมไม่มาก การสลายไขมันไม่เหมาะกับการลดน้ำหนักครั้งใหญ่ แต่สามารถช่วยให้หน้าท้องดูกระชับขึ้นในบางกรณี​

Q : ตัดไขมันหน้าท้องเจ็บไหม?
A : ในระหว่างการตัดไขมันหน้าท้อง (เช่น Tummy Tuck หรือ ดูดไขมัน) จะใช้ยาชา หรือยาสลบ ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด หลังจากการผ่าตัดอาจรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่สบายได้ในช่วงพักฟื้น แต่จะได้รับยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ ซึ่งส่วนใหญ่จะดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์​

Q : ดูดไขมันหน้าท้องอันตรายไหม?
A : การดูดไขมันหน้าท้องเป็นวิธีการศัลยกรรมที่ปลอดภัยหากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเสี่ยง เช่น การติดเชื้อ การเสียเลือด การสะสมของเหลว (Seroma) และการเกิดลิ่มเลือดในปอด ควรประเมินสุขภาพกับแพทย์และทำในสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานสูงเพื่อความปลอดภัย​

Q : ดูดไขมันหน้าท้องอยู่ได้นานไหม?
A : ผลลัพธ์จากการดูดไขมันหน้าท้องสามารถอยู่ได้ถาวร เนื่องจากเซลล์ไขมันที่ถูกดูดออกไปจะไม่กลับมาอีก อย่างไรก็ตาม หากไม่ควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย ไขมันอาจสะสมในส่วนอื่นของร่างกายได้​

 

www.ศัลยกรรมตกแต่ง.com

Author Profile

Blue Jasmine