วิธีดูแลตัวเองก่อนและหลังศัลยกรรมปาก

วิธีดูแลตัวเองก่อนและหลังศัลยกรรมปาก

วิธีดูแลตัวเองก่อนและหลังศัลยกรรมปาก

วิธีดูแลตัวเองก่อนและหลังศัลยกรรมปาก

 

สิ่งที่ควรทำก่อนศัลยกรรมปาก

1. ปรึกษาศัลยแพทย์อย่างละเอียด: พบศัลยแพทย์เพื่อปรึกษาและตรวจประเมินความเหมาะสมในการทำศัลยกรรมปาก แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ และความคาดหวังเกี่ยวกับผลลัพธ์ของการผ่าตัด
2. ตรวจสุขภาพ: ศัลยแพทย์อาจแนะนำให้ตรวจสุขภาพทั่วไป ตรวจเลือด หรือตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อประเมินความพร้อมของร่างกายก่อนการผ่าตัด
3. งดวิตามินและอาหารเสริมบางชนิด: งดวิตามินอี น้ำมันปลา และสมุนไพรบางชนิด เช่น กระเทียม โสม หรือแปะก๊วย อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงของการมีเลือดออก และ งดส้มตำ น้ำพริกกระปิ หน่อไม้ ขนมจีน ของหมักของดอง อาหารทะเล อาหารสุกๆดิบๆ
4. งดยาบางชนิด: งดยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน หรือยาแก้ปวดบางชนิด อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด เพื่อลดความเสี่ยงของการมีเลือดออก
5. งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนและหลังผ่าตัด เนื่องจากอาจส่งผลต่อการหายของแผลและเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน
6. เตรียมพร้อมสำหรับการพักฟื้น: เตรียมอาหารอ่อนๆ และสิ่งของจำเป็นสำหรับการพักฟื้นหลังผ่าตัด เช่น ยาแก้ปวด น้ำแข็งประคบ และอุปกรณ์ทำความสะอาดแผล

 

ข้อห้ามก่อนการผ่าตัด

1. การตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร: หากท่านกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรงดการทำศัลยกรรมปาก เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์หรือเด็กที่กินนมแม่
2. การติดเชื้อบริเวณริมฝีปาก: หากมีการติดเชื้อ เช่น เริม หรือแผลร้อนในบริเวณริมฝีปาก ควรรักษาให้หายดีก่อนเข้ารับการผ่าตัด
3. โรคประจำตัวที่ไม่สามารถควบคุมได้: หากมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง ที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ดี ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
4. ปัญหาสุขภาพจิต: หากมีปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า หรือความวิตกกังวล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด

 

วิธีดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมปาก

ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
•ประคบเย็น: ใช้ผ้าสะอาดห่อน้ำแข็งหรือเจลประคบเย็น ประคบบริเวณริมฝีปากเป็นระยะๆ ครั้งละ 10-15 นาที เพื่อลดอาการบวมและช้ำ
•นอนหนุนหมอนสูง: ช่วยลดอาการบวมบริเวณใบหน้าและริมฝีปาก
•รับประทานยาตามแพทย์สั่ง: รับประทานยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ หรือยาอื่นๆ ตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
•รับประทานอาหารอ่อนๆ: เลือกอาหารที่ไม่ต้องเคี้ยวมาก เช่น โจ๊ก ซุป หรืออาหารปั่น เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนแผลผ่าตัด
•ดื่มน้ำมากๆ: การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้นและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
•หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดทับริมฝีปาก: เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนแผลผ่าตัด
•หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก: หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก
•หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: บุหรี่และแอลกอฮอล์จะทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก และอาจส่งผลต่อการหายของแผล
•ทำความสะอาดแผล: ทำความสะอาดแผลตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยใช้น้ำเกลือหรือน้ำยาฆ่าเชื้อที่แพทย์จัดให้

หลังจาก 48 ชั่วโมง
•ประคบอุ่น: สามารถเริ่มประคบอุ่นบริเวณริมฝีปากได้ เพื่อช่วยลดอาการบวมและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
•แปรงฟันอย่างเบามือ: ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มและแปรงฟันอย่างเบามือ โดยเฉพาะบริเวณใกล้กับแผลผ่าตัด
•ใช้น้ำยาบ้วนปาก: หลังแปรงฟัน ควรบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่แพทย์แนะนำ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
•หลีกเลี่ยงการใช้ลิปสติกหรือเครื่องสำอางบริเวณริมฝีปาก: ในช่วงแรกหลังผ่าตัด เพื่อป้องกันการระคายเคืองและการติดเชื้อ
•หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด: ในช่วงแรกหลังผ่าตัด เพื่อป้องกันการเกิดรอยดำหรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ
•หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำหรืออาหารร้อนจัด: ในช่วงแรกหลังผ่าตัด เพื่อป้องกันการลวกหรือทำร้ายแผลผ่าตัด
•มาพบแพทย์ตามนัด: ควรมาพบแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามผลการรักษาและตรวจสอบว่าแผลหายดีหรือไม่

 

หลังศัลยกรรมปากสามารถแต่งหน้าได้เมื่อไหร่?

โดยทั่วไปแล้ว หลังศัลยกรรมปาก ท่านจะสามารถแต่งหน้าได้หลังจากตัดไหม ซึ่งมักจะอยู่ในช่วง 7-10 วันหลังผ่าตัด อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ แนะนำให้รออย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังผ่าตัดก่อนเริ่มแต่งหน้าบริเวณริมฝีปาก ข้อควรระวังในการแต่งหน้าหลังศัลยกรรมปาก มีดังนี้:-
• เลือกเครื่องสำอางที่อ่อนโยน: ในช่วงแรกหลังผ่าตัด ผิวบริเวณริมฝีปากอาจยังบอบบางอยู่ ควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่อ่อนโยนต่อผิว และปราศจากสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือพาราเบน
• ทำความสะอาดผิวหน้าและริมฝีปากอย่างเบามือ: ก่อนและหลังแต่งหน้า ควรทำความสะอาดผิวหน้าและริมฝีปากอย่างเบามือด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน หลีกเลี่ยงการขัดถูหรือสัมผัสบริเวณแผลผ่าตัดแรงๆ
• หลีกเลี่ยงการใช้ลิปสติกเนื้อแมทท์หรือลิปสติกติดทนนาน: ลิปสติกประเภทนี้อาจทำให้ริมฝีปากแห้งและแตก เป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ควรเลือกใช้ลิปบาล์มหรือลิปกลอสที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื้น
• ล้างเครื่องสำอางออกให้หมดจดก่อนนอน: เพื่อป้องกันการอุดตันของรูขุมขนและการติดเชื้อ.

 

สวย ปลอดภัย มั่นใจ ในมือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเรา ติดต่อรับคำปรึกษาเพื่อเข้ารับการศัลยกรรมปากฟรี!!!

 

 

www.ศัลยกรรมตกแต่ง.com

 

Author Profile

Blue Jasmine